|
สวัสดีครับ!
พบกันอีกครั้งในพื้นที่ตรงนี้ เป็นอย่างไร? กันบ้างกับหน้าตาที่เพิ่มเติมเข้ามา
ในส่วนของ PA-9 ซึ่งในตอนที่..14 และ 15 เราได้พูดคุยกันไปกับส่วนเพิ่มเติมที่อยู่ในส่วนเฉพาะของข้อมูล
มิดี้เท่านั้น แล้วได้ทดสอบกับข้อมูลของมิดี้กันบ้างหรือยัง? สำหรับผู้ที่มีโปรแกรม
PA-9 แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่มี PA-9 ถ้ามีโอกาสก็ลองนำมาใช้ดูเพราะว่ามีหลายๆ
ส่วนที่เป็นประโยชน์ เหมือนที่เราได้พูดคุยไปแล้วในตอนที่..14 และ 15 โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่มีหรือกำลังต้องการหาโปรแกรม
PA-9 มาใช้ผมแนะนำให้หาซื้อแผ่นที่เป็นโปรแกรมเดียวเฉพาะ PA-9 อย่าไปใช้แผ่นที่เป็นแผ่นรวมโปรแกรม
เพราะโปรแกรมมันไม่ครบ ซึ่งส่วนที่ขาดหายไปนั้นก็มีความสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างสรรค์งานเพลง
เอาล่ะ! เรามาพูดคุยกันต่อในส่วนเพิ่มเติมที่เป็นส่วนของข้อมูลออดิโอ ที่เพิ่มเติมใน
PA-9
ใน PA-9ได้เพิ่ม แทรคในการบันทึกข้อมูลออดิโอเป็นสเตอริโอ [Stereo
Tracks] ซึ่งใน PA-8 มีแค่การบันทึกข้อมูลออดิโอเป็น Mono เท่านั้น
แต่ใน PA-9 เราก็ยังสามารถบันทึกเป็น Mono ได้ โดยที่เราเปิดโปรแกรม PA-9
ขึ้นมาแล้วในหน้าต่าง Track View ให้เลือกแทรคแล้ว
คลิกซ้าย 2 ครั้งในช่อง Source ก็เห็นส่วนของ Track
Properties แล้วเลือกที่ Source โดยคลิกเลือกว่าเราต้องการจะ
บันทึกข้อมูลออดิโอเป็นสเตอริโอ [Stereo] หรือต้องการ Mono ซ้าย [Left] หรือขวา
[Right] แล้วคลิก O.K. ดังรูป
คราวนี้เรามาดูส่วนที่เพิ่มเติมในส่วนของข้อมูลออดิโอ Wavepipe
Technology เป็นการติดต่อสื่อสารโดยตรงกับ ระบบเวฟ [Wave] ที่มีอยู่ในซาวด์การ์ดเพื่อง่ายต่อการจัดส่วนต่างๆ
ให้กับข้อมูลออดิโอ ไม่ว่าจะเป็นการมิกส์ [Mixing] การ Mute, Solo, Record
และการใช้ Effect ต่างๆ และการใช้ข้อมูลออดิโอใน Real Time [ซึ่งจะพูดในโอกาสต่อไป]
ดูลักษณะของ Wavepipe Technology ดังรูป
Advanced Support For AudioX Hardware
ในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ทำงานร่วมกับ Hardware ที่มีระบบของ AudioX ไม่ว่าจะเป็นซาวด์การ์ด,
เอฟเฟ็ค [Effect] หรือระบบซิมปตี้ [SYMTE] อย่างเช่นเอฟเฟ็ค DSP ของ Yamaha,
Sonoru STUDI/O.Digital Audio Laps CardDeluxe, และ Audio Cards อื่นๆ ดูรูปประกอบ
Stereo Track Support ในหน้าต่างของ
Audio View แสดงให้เห็นข้อมูลออดิโอ ที่เป็นข้อมูลที่เป็นสเตอริโอ และสามารถแก้ไขได้ง่าย
หรือต้องการย้ายส่วนใดของข้อมูลออดิโอไปไว้ที่แทรคใดก็ได้ โดยเพียงแค่คลิกเลือกและลากเมาส์แล้วนำไปวางไว้ในแทรคที่ต้องการ
และยังสามารถรวมแทรค Mono 2 แทรครวมเป็นแทรคสเตอริโอแทรคเดียวก็ทำได้ หรือจะรวมแทรคสเตอริโอ
2แทรคเข้าด้วยกันโดยไม่ไปทำลายส่วนประกอบต่างๆ ของข้อมูลออดิโอเลย ดูจากรูปประกอบ
Performance Indicators ในส่วนนี้จะอยู่ด้านล่างทางขวามือของหน้าต่าง
Audio View จะเป็นส่วนที่จะบอกพื้นที่ ที่มีอยู่หรือที่ใช้ไปว่ามีจำนวนเท่าใด
ดูรูปประกอบ
Smooth Audio Scrubbing เป็นส่วนที่ทำให้เราฟังข้อมูลออดิโอง่ายและฟังชัดเจนกว่าใน
PA-8 ดูรูปประกอบ
Prewired
Parametric ในส่วนนี้เป็นส่วนของ เอฟเฟ็ค EQ ที่มี 4-band ที่ใช้ปรับแต่งข้อมูลออดิโอ
ซึ่งลักษณะการเรียกใช้ก็คลิกเลือกแทรค แล้วคลิกซ้าย 2 ครั้งในช่อง Effect
แล้วคลิกขวาใต้พื้นที่สีดำแล้วเลือกที่ Cakewalk แล้วเลือกที่ FX EQ [Stereo]
หรือจะเลือกใช้ Effect อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Chorus, Reverb, Delay/Echo, Flang
และ Pitch Shifting ซึ่ง Effect ทั้งหมดนี้เป็น Effect 32-bit และสามารถเลือกใช้
Effect หลายๆ แบบได้ในแทรคเดียวกันได้เพื่อทดลองกับ Effect ให้ได้ลักษณะเสียงตามต้องการ
เรายังสามารถเรียกใช้ Effect โดยใช้หน้าต่าง Console View ได้ เหมือนกับการเรียกใช้
Session Drummer ซึ่งเมื่อเราเรียกใช้ FX EQ [Stereo] แล้วให้คลิกซ้ายที่ชื่อ
FX EQ [Stereo] แล้วเลือกแต่ง EQ ซึ่งมีให้เราเลือกใช้ได้ 4-band และปรับแต่งได้ตามต้องการ
ดูจากรูปประกอบ
Support for 24-bit /96 kHz audio ในส่วนนี้ให้เราเลือกบันทึกข้อมูลออดิโอได้หลายลักษณะว่าเราจะเลือกที่
16-, 18-, 20-, 22-, และ 24-bit ที่ Sampling Rates ที่ 11.025, 22.050,
44.1และ 96kHz ซึ่งอัตราที่ 24-bit/96kHz เป็นเทคโนโลยีที่สูงสุดที่หาได้ในปัจจุบันนี้
Add DirectX audio plug-in ในส่วนนี้เราสามารถใช้โปรแกรม plug-in ที่เป็น
Effect ต่างๆ เข้ามาใช้ร่วมกับ PA-9 แต่ต้องสนับสนุนด้วย DirectX ซึ่งเราเลือกหาใช้ได้ตามต้องการเพื่อให้ข้อมูลออดิโอ
นั้นสมบูรณ์ยิ่งขึ้นแต่ถ้าเราคิดว่า Effect ที่มีอยู่ใน PA-9 เพียงพอแล้วก็ไม่จำเป็นไปหามาเพิ่มจากตัวอย่างเป็นการใช้
plug-in ของ Cakewalk Audio FX3 [Sound Stage] โดยต้องลงโปรแกรม plug-in
นี้ลงในคอมฯ ก่อนแล้วถึงจะเรียกใช้งาน ซึ่งการเรียกใช้ก็ทำได้ทาง Track View
ในช่อง Effect หรือจะใช้หน้าต่าง Console View ก็ได้ ดูจากรูปประกอบ
เมื่อเลือก Sound Stage แล้วคลิกที่ชื่อก็จะเห็นส่วนของ
Sound Stage แล้วปรับแต่งส่วนต่างๆ ได้ตามต้องการ
ก็มาถึงช่วงท้ายสุดอีกแล้ว ก็คงต้องฝากกันไว้เท่านี้ก่อนแล้วเราเจาะลึกลงไปในรายละเอียดกันอีกครั้งในส่วนต่างๆ
เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลมิดี้หรือ ออดิโอ ก็ขอให้ชาว OVERDRIVE ไปทดสอบกับส่วนต่างๆ
เหล่านี้ดู ขอให้ทุกคนโชคดีและสนุกกับ Cakewalk Pro Audio ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนก็ตาม.....แล้วพบกันๆๆๆๆๆ...
|